นายแพทย์สุนทร อันตรเสน กับรางวัลการทูตสาธารณะคนแรกของไทย
“เกียรติยศ ชื่อเสียงอะไร ก็ไม่ได้ต้องการหรอก จะให้เขียนถึงความดีของตัวเอง ก็เขียนไม่ค่อยเป็น เราดีขึ้นแล้ว ก็อยากให้คนอื่นดีขึ้นด้วย” นายแพทย์สุนทร อันตรเสน ผู้ที่ได้รับรางวัลการทูตสาธารณะ 2565 หรือ Public Diplomacy Award 2022 คนแรกของประเทศไทย
เจ้าของรางวัลการทูตสาธารณะคนแรกของไทย เริ่มต้นเล่าเรื่องราวตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี ผ่านภาพถ่ายเก่าๆ นับร้อยรูป ขณะที่ทำภารกิจ “การทูตสาธารณะ” ด้วยความเต็มใจโดยที่ไม่รู้ว่า กำลังเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างประเทศไทยและประเทศต่างๆ นับ 10 ประเทศ
“แถวของคนไข้ภูฏาน นี่แค่ส่วนน้อยเท่านั้นเอง ความจริงวันนั้นตรวจเป็นพันคน บางคนเดินเท้าข้ามเขามาสองสามเขา”
“ห้องผ่าตัดเขามีห้องเดียว โรงพยาบาลเล็กๆ คนไข้นั่งรออยู่ผ่าตัดข้างนอก ป้ายแขวนไว้ ใครผ่าหูซ้าย ใครผ่าหูขวา”
Goodwill …ความปรารถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์
นายแพทย์สุนทร อันตรเสน แพทย์เฉพาะทางแผนกหู คอ จมูก โรงพยาบาลราชวิถี ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาโรงพยาบาลราชวิถี และกรรมการมูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี รวมทั้งเป็นประธานคณะกรรมการเพื่อพัฒนาความเป็นเลิศของหมอหู คอ จมูก ทั่วประเทศ
ความปรารถนาดีจากคนคนนึง ที่อยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้มีชีวิตที่ดีขึ้น คุณหมอเอาตัวเองเข้าไปนั่งในใจของผู้ที่เจ็บป่วย เพราะ “ความเจ็บปวด” เป็นเรื่องที่รอไม่ได้ หน่วยแพทย์อาสาเล็กๆ ของคุณหมอและเพื่อนๆ จึงเริ่มต้นขึ้น โดยเริ่มจากใช้ทุนทรัพย์เท่าที่มี เงินเดือนและเงินพิเศษที่ได้จากโรงพยาบาลเอกชน แล้วออกเดินทางรักษาผู้ป่วยโรคหูน้ำหนวกในจังหวัดต่างๆ เป็นเวลาสิบกว่าปี จนเมืองไทยมีหมอเฉพาะทางโรคหูเพิ่มมากขึ้น จึงเริ่มแบ่งปันน้ำใจและความรู้สู่ประเทศเพื่อนบ้านรอบๆ ประเทศไทย จากวันนั้นถึงวันนี้ คุณหมอเดินทางไปรักษาผู้ป่วยโรคหูน้ำหนวกในประเทศต่างๆ อย่างต่อเนื่องและยาวนานกว่า 30 ปี อาทิ ลาว กัมพูชา เวียดนาม เมียนมา จีนตอนใต้ อินเดีย เคนย่า บังคลาเทศ ภูฏาน ติมอร์ตะวันออก รวมแล้วมากกว่า 80 เมือง ใน 10 ประเทศ รักษาผู้ป่วยไปแล้วกว่า 70,000 ราย เป็นภารกิจที่ทำให้ชาวต่างชาติชื่นชมและรู้สึกถึงมิตรภาพอันเอื้ออารีของคนไทย เหมาะสมอย่างยิ่งกับ “รางวัลการทูตสาธารณะ”
รางวัลการทูตสาธารณะ หรือ Public Diplomacy Award 2022 เป็นรางวัลที่กระทรวงการต่างประเทศและมูลนิธิไทย ตั้งขึ้นเพื่อมอบให้กับบุคคล กลุ่มบุคคล หรือองค์กรที่ได้สร้างคุณูปการให้แก่ประเทศไทย ในด้านการสร้างมิตรภาพ ความเข้าใจอันดีหรือความนิยมไทยในระดับประชาชนในต่างประเทศ เพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณ และสนับสนุนบทบาทเหล่านั้นของผู้ที่ได้รับรางวัลให้เป็นที่ประจักษ์
อุปสรรคที่พบเจอ
ตลอดระยะเวลามากกว่า 30 ปี กับการเดินทางกว่า 80 เมือง ใน 10 ประเทศ อุปสรรคที่พบเจอมีทุกรูปแบบ ตั้งแต่ขั้นตอนยุ่งยากในการขออนุญาตนำเครื่องมือแพทย์และยารักษาข้ามประเทศ เพราะยาบางตัวจัดอยู่ในกลุ่มยาเสพติด เช่น มอร์ฟีน จึงต้องมีเอกสารและการอธิบายที่ค่อนข้างยุ่งยาก ทุกครั้งก่อนออกหน่วยแพทย์อาสา คุณหมอและภรรยาจะเดินทางไปสำรวจล่วงหน้า เพื่อประสานงานทุกอย่าง ตั้งแต่ ที่พัก ห้องผ่าตัด อาหาร ห้องน้ำ ไปจนถึงติดต่อล่ามแปลภาษา แล้วประเทศต่างๆ ก็จะออกประกาศผ่านวิทยุและหนังสือพิมพ์ล่วงหน้าประมาณหนึ่งเดือนว่า จะมีหน่วยแพทย์อาสารักษาโรคหูโดยเฉพาะโรคหูน้ำหนวกจากประเทศไทยมารักษาให้ฟรี เมื่อถึงวันรักษาจริงก็จะมีคนไข้มาเข้าแถวรอยาวเหยียด บางวันเป็น 1,000 คน ยืนผ่าตัดตั้งแต่เช้ายันเย็น ระหว่างเดินทางก็เคยเกิดอุบัติเหตุ รถเสีย รถชน ดินถล่ม น้ำท่วม หรือคุณหมอเองเจ็บป่วยต้องนอนให้น้ำเกลือก็เคยเกิดขึ้น
ภัยร้ายของโรคหูน้ำหนวก
“โรคหูน้ำหนวก เกิดจากการเป็นหวัดเรื้อรัง ถ้าท่อระหว่างหูกับคออุดตัน จะทำให้หูชั้นกลางมีน้ำขัง น้ำที่ขังจะดันแก้วหูทะลุออกมากลายเป็นหูน้ำหนวก ถ้าเป็นหูน้ำหนวกชนิดร้ายแรง จะมีน้ำหนวกไหลตลอดเวลา มีกลิ่นเหม็นมากเพราะกระดูกเน่า ถ้าทะลุเข้าสมอง คนไข้ก็มักจะเสียชีวิต หูน้ำหนวกร้ายแรงจะเป็นก้อนคล้ายเนื้องอกในหู ละลายกระดูกรอบๆ หายไป เมื่อทะลุเข้าไปในสมอง ส่วนใหญ่ก็จะเสียชีวิต เด็กมักจะไข้สูง ชักแล้วก็เสียชีวิต” คุณหมออธิบายถึงภัยของโรคหูน้ำหนวก
ประทับใจไม่รู้ลืม
ครั้งหนึ่งที่ภูฏาน เด็กผู้หญิงมาตรวจเพราะมีอาการหูตึง ไม่ค่อยได้ยิน เก็บกดเพราะเพื่อนไม่ค่อยคุยด้วย พอได้รับการรักษาและใส่เครื่องช่วยฟัง ได้ยินชัดขึ้น ก็ดีใจน้ำตาไหล เข้ามากอดทีมแพทย์ แล้วบอกว่าเคยคิดฆ่าตัวตายเพราะโรคนี้ บางคนก็เล่าว่าต้องเดินเท้าข้ามภูเขามาสองสามลูกเพื่อมารักษากับเรา หรือที่เมืองเว้ ประเทศเวียดนาม คนตากแดดรอด้านนอก พอเข้ามาด้านในก็เป็นลมล้มไปเลยก็มี เราก็พยายามตรวจให้มากที่สุด เร็วที่สุด วันหนึ่งตรวจเป็น 1,000 คน หมอ 5 คน ผ่าตัดไม่ได้หยุด ผลัดกันออกมากินข้าว กินเสร็จก็ต้องกลับไปผ่าต่อ เหนื่อยแต่พอเห็นเขามีชีวิตที่ดีขึ้น เราก็หายเหนื่อย
ผู้ได้รับรางวัลการทูตสาธารณะ ประจำปี 2565 หรือ Public Diplomacy Award 2022
คุณหมอเสียสละความสบายส่วนตัวเพื่อรักษาความเจ็บป่วยหรือความไม่สบายของผู้อื่นด้วยความเต็มใจมาโดยตลอด เป็น Goodwill หรือความปรารถนาดีที่พิสูจน์มากว่า 30 ปี ว่าไม่ได้ทำเพื่อหวังผลตอบแทน จะยังคงได้รับการสานต่อและดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
“ก็หยุดไป 3 ปีเพราะโควิด ตั้งใจว่าปีหน้าจะออกหน่วยแพทย์อาสาอีกครั้ง กับ 3 เมืองชายแดนของไทย วิคตอเรียพอยด์ที่อยู่ตอนใต้ของพม่า สันติคีรีของกัมพูชา และชายแดนลาวด้านที่ติดกับจังหวัดอุตรดิตถ์ของไทย ก็หวังว่าจะช่วยสมานไมตรีเมืองชายแดนของไทยกับประเทศเพื่อนบ้านให้ดียิ่งขึ้น”
บัดนี้ความดีเหล่านั้น ได้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าเหมาะสมอย่างยิ่งกับ รางวัลการทูตสาธารณะ ประจำปี 2565 Public Diplomacy Award 2022…นายแพทย์สุนทร อันตรเสน
กระทรวงการต่างประเทศและมูลนิธิไทย ขอประกาศเกียรติคุณ และสนับสนุนบทบาทการทูตสาธารณะของผู้ที่ได้รับรางวัลให้เป็นที่ประจักษ์ รวมทั้งสานต่อเจตนารมณ์ของผู้ได้รับรางวัล ให้ดำเนินต่อไปด้วยดี พร้อมสลักชื่อของนายแพทย์สุนทร อันตรเสน บนถ้วยรางวัลซึ่งตั้งโชว์ไว้ที่กระทรวงการต่างประเทศ และเงินรางวัล 5 แสนบาท เพื่อเป็นทุนทรัพย์ในการสานต่อภารกิจอันดีงาม อีกทั้งยังหวังว่ารางวัลนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยทุกคนได้รับรู้ว่า “งานด้านการทูตสาธารณะ ไม่ได้ทำได้เฉพาะกระทรวงการต่างประเทศหรือมูลนิธิไทยเท่านั้น แต่คนไทยทุกคนสามารถทำได้เช่นกัน”
ติดตามรายละเอียดได้ที่ www.thailandfoundation.or.th และที่ Facebook.com/ThailandFoundation
20 ตุลาคม 2565